บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลผ่านการจัดทำชุดเครื่องเขียนเพื่อนำไปมอบให้เด็กนักเรียนผู้ยากไร้ตามจังหวัดต่างๆ ที่ขาดแคลน โดยเชิญชวนลูกค้าทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมผ่านการเลือกตราประทับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและประทับลงบนสมุดก่อนนำไปบริจาค ณ Mercedes me BOX ลานสยามดิสคัฟเวอรีพลาซ่า
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้ปรัชญาที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับผู้บริโภคเสมอมา และสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในด้าน “ความรับผิดชอบ” (Responsibility) ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมไทยอย่างสม่ำเสมอ และหนึ่งในกิจกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง คือ การให้การสนับสนุนด้านการศึกษาแก่โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางบริษัทฯ จึงจัดกิจกรรมเพื่อสังคมขึ้นเมื่อวันที่ 25 – 27 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา โดยเชิญชวนให้ลูกค้าทุกท่านเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อเด็กนักเรียนผู้ยากไร้ตามจังหวัดต่างๆ ที่ขาดแคลน ด้วยการจัดทำชุดเครื่องเขียน ที่ประกอบด้วยสมุดจดบันทึก ดินสอ ยางลบ และกบเหลาดินสอ โดยลูกค้าสามารถเลือกตราประทับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและประทับลงบนสมุดก่อนนำไปบริจาคได้ตามต้องการ”
โดยภายในงานได้รับเกียรติจากคุณชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต แบรนด์แอมบาสเดอร์ คุณแพร-วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา และคุณเอย-กรณ์วิภา โชติกเสถียร ที่มาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมในครั้งนี้ไปกับทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) โดยทั้งสามท่านได้เลือกตราประทับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ตรงกับหลักการใช้ชีวิตของตนเอง พร้อมประทับตราลงในสมุดจดบันทึกเพื่อเป็นการส่งต่อข้อคิดและหลักการในการใช้ชีวิตให้กับเด็กนักเรียนผู้ยากไร้
คุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต แบรนด์แอมบาสเดอร์ กล่าวว่า “ในวันนี้ ชมเลือกประทับตราพระบรมราโชวาทในเรื่องการ “พูดจริงทำจริง” ค่ะ ซึ่งหลักการนี้เป็นหลักการที่ชมยึดมั่นมาตลอดอยู่แล้ว เพราะชมเชื่อว่าเรื่องของการใช้คำพูดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากความน่าเชื่อถือของแต่ละคนส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เรารักษาสัจจะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหน ถ้าเราเป็นคนพูดจริงทำจริง มีความตั้งใจ เราก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วย เช่นหากสักวันหนึ่งเราเกิดอยากทำการใหญ่ขึ้นมา เราก็จะได้รับแรงสนับสนุนจากคนรอบข้างเป็นอย่างดี เพราะเขาเห็นว่าทุกงานที่ผ่านมาของเรา เราทำด้วยความตั้งใจ และประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ในทางตรงกันข้าม สมมติว่าเรามีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เคยมาตามที่นัดกันไว้เลย ซึ่งฟังดูอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าหากเขาทำแบบนี้หลายครั้ง เพื่อนคนอื่นๆ ก็จะเริ่มไม่ไว้ใจเพราะความไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของเขาเอง เพราะฉะนั้นชมเลยเชื่อว่าเรื่องการรักษาคำพูดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเป็นหนึ่งในเกณฑ์ในการตัดสินคุณค่าของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ”
คุณแพร วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา ดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า “วทานิกา” กล่าวว่า “แพรเลือก “อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ” ค่ะ ซึ่งก็เป็นหลักการใช้ชีวิตของแพรมาตลอดเช่นเดียวกัน เพราะแพรเชื่อว่าคนเราสามารถมีความรู้สึกอ่อนโยนได้เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องอ่อนแอควบคู่กันไปด้วย คนที่อ่อนโยน จิตใจดีก็สามารถแข็งแกร่งได้ด้วยแรงผลักดันที่ได้รับจากปัจจัยอื่นรอบตัวค่ะ จริงๆ แล้วแพรชอบอีกหลายคำสอนของท่าน ทั้งเรื่องของการรู้จักการให้และการรับที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แพรคิดว่าสำคัญมากในการใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคม เพราะถ้าเรารู้จักความสุขจากการให้ เราก็ย่อมจะได้รับความสุขจากการรับกลับมาด้วยเช่นกันค่ะ”
คุณเอย กรณ์วิภา โชติกเสถียร ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และวางแผนการตลาด แบรนด์เสื้อผ้า “วทานิกา” กล่าวว่า “เหตุผลที่เอยเลือก “ความพอดี” เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องส่วนตัว การใช้ชีวิตประจำวัน หรือในด้านการทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะเอยคิดว่าอะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป ย่อมไม่ดีทั้งนั้น ถ้าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในความพอดี ผลที่ออกมาก็จะดี และเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งหลักการนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ค่ะ”