“ห้างแว่นท็อปเจริญ” ร่วมกับ “มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย”
ฉลองความสำเร็จครบรอบ 10 ปี “โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ”
พร้อมประกาศสานต่อโครงการฯ ต่อเนื่องอีก 5 ปี
“ห้างแว่นท็อปเจริญ” ร่วมมือกับ “มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย” ฉลองความสำเร็จในโอกาสครบรอบ 10 ปี “โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ภายใต้พระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงวัยในถิ่นทุรกันดารที่มีปัญหาด้านสายตาให้กลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โครงการฯ ประสบความสำเร็จในการให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยในถิ่นทุรกันดารที่มีปัญหาด้านสายตากว่า 50,000 ราย รวม 124 พื้นที่ครบทุกจังหวัดของประเทศ โดยล่าสุด “ห้างแว่นท็อปเจริญ” ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการสานต่อโครงการฯ อย่างต่อเนื่องเพิ่มอีก 5 ปี จนถึงปี 2567 พร้อมเชิญชวนคนไทยตระหนักถึงความสำคัญ ของการดูแลผู้สูงวัยในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการดูแลสายตาของผู้สูงวัยและเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้าอีกด้วย
คุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการห้างแว่นท็อปเจริญ กล่าวว่า “ห้างแว่นท็อปเจริญดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาที่ว่า “เพราะเราห่วงใยดวงตาของคุณ เฉกเช่นดวงตาของเรา” จึงมุ่งมั่นในการจัดทำโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ในการช่วยเหลือด้านสายตาให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ที่ได้ร่วมกับมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ภายใต้พระราชประสงค์ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยในถิ่นทุรกันดารที่มีปัญหาด้านสายตา ทั่วประเทศ ให้สามารถกลับมามีสายตาที่ดีขึ้น สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาโครงการฯ พบว่า ปัญหาด้านสายตาส่วนใหญ่ของผู้สูงวัยคือ อาการสายตายาวตามอายุ ซึ่งโครงการฯ ได้ทำการตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นใหม่ และส่งมอบให้กับผู้สูงวัยที่ต้องการความช่วยเหลือฟรีเป็นจำนวนรวมกว่า 5 หมื่นอัน ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายตาอีกด้วย”
“ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีก 3 ปีข้างหน้า ในโอกาสครบรอบ 10 ปีแห่งความสำเร็จนี้ ห้างแว่นท็อปเจริญจึงได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการสานต่อโครงการฯ ต่อเนื่องเพิ่มอีก 5 ปี ในปี พ.ศ. 2563 – 2567 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงวัยที่มีปัญหาและต้องการรับความช่วยเหลือด้านสายตาที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปในพื้นที่ทุรกันดารต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการฯ ได้รับความร่วมมือจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในการรับหน้าที่คัดกรองกลุ่มผู้สูงวัยดังกล่าว เพื่อเข้ารับการบริการจากทีมผู้เชี่ยวชาญของห้างแว่นท็อปเจริญที่ได้ลงพื้นที่นั้นๆ อาทิ การบริการตรวจวัดสายตา ตรวจสุขภาพดวงตาและประกอบแว่นใหม่ฟรีเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ หากพบว่ามีผู้สูงวัยที่เป็นโรคตาและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยแว่นตาทางโครงการฯ จะนำส่งผู้ป่วยเหล่านี้เข้ารับการรักษาอาการต่อที่ศูนย์รักษาตาท็อปเจริญอีกด้วย จากเจตนารมย์และความมุ่งมั่นของทั้ง 3 พันธมิตร ในการร่วมดำเนินโครงการฯ ต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ เราคาดว่าโครงการฯ จะสามารถให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีปัญหาด้านสายตาได้อีกกว่า 3 หมื่นราย” นายนพศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม
รศ.พญ. นวลจันทร์ ปราบพาล กรรมการอำนวยการและเลขาธิการ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย กล่าวว่า “มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย จัดตั้งขึ้นโดยพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย มีหน้าที่ให้การสงเคราะห์เด็กและผู้เยาว์ที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งยังให้ความสำคัญด้านสุขภาพและการดำเนินชีวิตของผู้สูงวัยอีกด้วย และหนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบในกลุ่มผู้สูงวัย คือ ความเสื่อมประสิทธิภาพของดวงตา ซึ่งปัญหานี้ส่งผลให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวันการประกอบอาชีพและในบางรายไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารหรือพื้นที่ห่างไกล ในโอกาสการสานต่อโครงการฯ ต่อเนื่องอีก 5 ปีสภากาชาดไทยจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมกันให้การช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีปัญหาด้านสายตาได้เพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้สูงวัยกลับมามีสายตาที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข ทั้งยังสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและบุตรหลานได้ และไม่เป็นภาระต่อสังคมอีกด้วย”
นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์และผู้อำนวยการศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ กล่าวว่า “การเตรียมความพร้อมให้กับผู้สูงวัยใกล้ตัวในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพดวงตา เพราะ “ดวงตา” เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความบอบบางและมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของคนเรา และเมื่ออายุมากขึ้นเท่ากับว่าดวงตาถูกใช้งานมาเป็นเวลานานขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคและปัญหาทางด้านสายตาต่างๆ อาทิ โรคต้อกระจก ต้อหิน จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ภาวะสายตายาวตามอายุ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม ที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลหรือคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานโดยไม่ได้พักสายตา ประกอบกับแสงสีน้ำเงิน (Blue light) จากหน้าจอของอุปกรณ์ดังกล่าวส่งผลให้กล้ามเนื้อตาล้า มีอาการตาแห้ง แสบตา เคืองตา ปวดตา ตาพร่า เกิดภาพเบลอหรือภาพซ้อน ปวดศีรษะ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้สูงวัยจำนวนมากใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“การดูแลรักษาดวงตาให้หลีกหนีจากโรคภัยและปัญหาต่างๆ สามารถทำได้โดย การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผักใบเขียว มะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม เป็นต้น ซึ่งผักและผลไม้ที่มีลูทีน วิตามินซีและวิตามินอีสูง จะช่วยบำรุงสายตาและลดความเสื่อมของจอประสาทตาได้ การปกป้องดวงตาจากแสงแดดและแสงสีน้ำเงิน สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงเหล่านี้โดยตรง เช่น การสวมแว่นกันแดด หรือการสวมใส่แว่นที่สามารถคัดกรองแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอได้ การใช้สายตาอย่างพอเหมาะ หากมีการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพักสายตาโดยการเปลี่ยนอิริยาบถหรือทำกิจกรรมอื่นแทน หากจำเป็นต้องใช้คอนแทคเลนส์ การทำความสะอาดถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ดวงตาเจอกับเชื้อโรคต่างๆ ตลอดทั้งวัน สุดท้ายการตรวจสุขภาพดวงตา รวมถึงการตรวจวัดสายตาเป็นประจำ จะทำให้เรารู้ถึงสุขภาพดวงตาของเราเอง เมื่อเกิดปัญหาหรือโรคต่างๆ จะสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที” นายแพทย์นพวุฒิ กล่าวสรุป
ภายในกิจกรรมการฉลองความสำเร็จครบรอบ 10 ปี “โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ยังได้รับเกียรติจากดาราศิลปินชื่อดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ / เศรษฐา ศิระฉายา / พิศมัย วิไลศักดิ์ พร้อมด้วยพิธีกรสาว จอย รินลณี และเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง ไอยวริญท์ โอสถานนท์ / ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม / กวินตรา โพธิจักร เข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นจิตอาสาในการส่งมอบกำลังใจไปยังผู้สูงวัยที่มีปัญหาด้านสายตาใน ถิ่นทุรกันดารทุกพื้นที่อย่างไม่หยุดยั้งอีกด้วย ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial เว็บไซต์ www.topcharoen.co.th หรือโทร. 02–612–4170