เรื่องและภาพ: บุญโชค พานิชศิลป์
กระบี่ จะว่าเป็นจังหวัดที่ผมคุ้นเคยก็ใช่ เพราะมีอาณาเขตติดกับจังหวัดตรังบ้านเกิดของผม ตอนเด็กๆ เคยเดินทางมาทัศนศึกษา หลายครั้งก็เป็นทางผ่านไปยังภูเก็ต พังงา หรือระนองเวลาต้องเดินทางด้วยรถยนต์ขึ้นไปกรุงเทพฯ ที่ว่าคุ้นก็คงเป็นเส้นทาง แต่สภาพเมือง นานๆ ครั้งมาเยือนก็จะรู้สึกผิดแผกแปลกตาแทบทุกครั้ง
ยิ่งช่วงหลังที่กระบี่เริ่มกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ติดอันดับรองจากภูเก็ตหรือสมุย ท่าอากาศยานกระบี่ที่เคยสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2529 แต่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ภายหลังกรมการขนส่งทางอากาศพัฒนาต่อให้เป็นสนามบินมาตรฐาน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2536 เป็นต้นมา ที่นี่ก็กลายเป็นสนามบินที่มีเที่ยวบินมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของกรมการขนส่งทางอากาศ
และยุคเฟื่องฟูที่สุดน่าจะเป็นช่วงปี พ.ศ. 2543 หลังจากหนังเรื่อง ‘The Beach’ ของแดนนี บอยล์ออกฉาย นักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกพากันแห่แหนมากระบี่ ตามรอย ‘ริชาร์ด’ นักเดินทางหนุ่มอเมริกันในหนังเรื่องนี้ แม้ว่านิยายของอเล็กซ์ การ์แลนด์ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนังจะพูดถึงเกาะสมุยและเกาะพะงันก็ตาม แต่สถานที่ถ่ายทำจริงกลับเป็นอ่าวมาหยาบนเกาะพีพีเลของกระบี่เป็นหลัก
เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมา หน้าตาของเมืองก็เปลี่ยนไป กระบี่รองรับได้ทั้งนักท่องเที่ยวแบบริชาร์ด และเจมส์ บอนด์ ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนไปตามแบบฉบับสถานที่ท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน หรือแม้กระทั่งพัทยา
อ่าวนาง ที่ผมเคยแค่ผ่านเพื่อไปขึ้นเรือหางยาวต่อไปยังหาดไร่เลย์ คับคั่งไปด้วยโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ผับ และบาร์เบียร์ ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสะดวกสบายจนไม่อยากจะติ การขยายตัวของเมืองและการท่องเที่ยวเป็นอะไรที่ยับยั้งได้ยาก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้คนในกระบี่เท่านั้น ว่าจะดูแลรักษาให้เมืองและการท่องเที่ยวให้คงสภาพดีได้ยั่งยืนแค่ไหน
เวลาไปเที่ยวกระบี่ สมัยเป็นเด็กก็จะแวะเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัด ไม่ว่าสุสานหอย 75 ล้านปี น้ำตกธารโบกขรณี หรือถ้ำเสือเขาแก้ว พอถึงวัยทำงานก็ซอกซอนไปแบบนักท่องเที่ยวต่างชาติ พักค้างหลายคืนตามที่พักราคาไม่แพง
ที่คุ้นสุดก็หาดไร่เลย์ที่พูดถึง สภาพเป็นเหมือนเกาะ เพราะเข้าถึงได้เฉพาะทางเรือ อ้อมแหลมที่ปลายอ่าวนางไปราวสิบห้านาทีก็ไปถึงอีกฝั่ง ที่นั่นมีชายหาดสองด้าน มีจุดชมวิวบนเนินเขาที่ขึ้นไปแล้วสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของชายหาดทั้งสองฟากได้ คล้ายๆ เกาะพีพีดอน ที่ไร่เลย์มีที่พักหลายระดับราคา หรูสุดก็โรงแรมรายาวดีนั่นละ
หาดไร่เลย์ด้านตะวันออกมีโขดหินปูนให้นักปีนผาได้ไปลองมือ ศาลเจ้าเขาถ้ำพระนางในให้ใครๆ ได้ขอพร และอ่าวต้นไทร ที่ก่อนหน้านี้จะมีเรือหางยาวจอดเรียงรายกันเนืองแน่น
อีกที่คือเกาะพีพีดอน พื้นที่ใหญ่กว่าหาดไร่เลย์ แต่ละวันแต่ละคืนบนเกาะพีพีดูเหมือนจะใกล้ชิดกับหาดทรายและน้ำทะเลมากกว่าที่ไหนอื่น เพราะไม่ว่าจะหันซ้าย-ขวา-หน้า-หลังก็จะพบพานแต่หาดทรายและน้ำทะเล
ผมเดินทางมากระบี่เที่ยวนี้ตามคำเชิญชวนของรีสอร์ทที่อ่าวนาง ตั้งแต่โควิด-19 ระบาดเมื่อต้นปี การท่องเที่ยวของที่นี่ค่อนข้างซบเซา สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และร้านค้าดูเงียบเหงา ค่อนข้างนานกว่าตอนได้รับผลกระทบจากสึนามิด้วยซ้ำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้าหลักของที่นี่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ทุกกิจการจำเป็นต้องดิ้นรนต่อชีวิตให้ธุรกิจของตนเองกัน
กระบี่ ลา พลาญ่า รีสอร์ท (Krabi La Playa Resort) ตั้งอยู่ในมุมสงบใจกลางอ่าวนาง ห่างจากชายหาดเพียง 150 เมตร มีจำนวนห้องพัก 123 ห้อง เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีเขียว ขนาดของห้องพักมีพื้นที่กว้างขวาง เริ่มต้นตั้งแต่ขนาด 39 ตารางเมตร เดิมที่นี่ให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก แต่เมื่อนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมีข้อจำกัดในการเดินทาง จึงทำให้โรงแรมต้องปรับตัวให้รับกับสถานการณ์ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น
พร้อมกันนี้ กระบี่ ลา พลาญ่า รีสอร์ท เตรียม Re-branding โรงแรมในเครือจากชื่อเดิม The Small เป็น ‘นวินดา’ (Navinda) แทน เพื่อปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัย สร้างจุดยืนที่แตกต่างระหว่างโรงแรมทั่วไปในจังหวัดกระบี่ ทั้งยังมุ่งสู่จุดหมายในการสร้างการจดจำและเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มากยิ่งขึ้น คาดว่า ‘นวินดา’ จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในช่วงต้นปี 2564
ทั้งนี้จะมีการปรับรูปแบบห้องพักใหม่ เน้นความเรียบง่ายเหมือนอยู่บ้าน ปรับเมนูอาหาร พร้อมทั้งเพิ่มเมนูวีแกนและมังสะวิรัติ รองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตรงกับความต้องการของคนไทยโดยเฉพาะ และทางโรงแรมยังเลือกใช้วัสดุ-อุปกรณ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพิ่มบริการด้านอื่นๆ เน้นให้ผู้เข้าพักสัมผัสธรรมชาติและวิถีชุมชน เช่น จัดนำทัวร์ชุมชน สอนทำผ้ามัดย้อม ผ้าบาติก เป็นต้น
ความใส่ใจในเรื่องสภาวะแวดล้อมของกระบี่ ลา พลาญ่า รีสอร์ทดูเป็นเรื่องจับต้องได้ ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในโรงแรม หลายสิ่งทำจากวัสดุรีไซเคิล ไม่ว่ารองเท้าแตะจากขยะริมชายหาด ภาชนะจากเศษใบไม้ ถุงผ้าบาติกจากปลอกหมอนที่หมดวาระการใช้งาน เป็นต้น
ไม่ไกลจากโรงแรม มีชายหาดให้ไปเยือนได้ทั้งสองฟาก ทั้งอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา ช่วงกลางวันถ้าไม่อยากขลุกตัวอยู่ในรีสอร์ท ก็สามารถซื้อทัวร์ไปเล่นน้ำ ดำน้ำตามเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งกระบี่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ตกค่ำ ถ้าจะออกไปเตร็ดเตร่ตามสถานบันเทิงของอ่าวนาง ก็ไม่ห่างจากโรงแรมมากนักเช่นกัน เท่าที่ผมไปสัมผัสก็เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติที่น่าจะตกค้าง ไปกินดื่มฟังเพลงตามสไตล์นักเที่ยว แม้ไม่คึกคักเช่นวันเก่าก่อน แต่ก็ผ่อนคลายในช่วงวันพักผ่อนได้ดีเหมือนกัน
โรงแรมนี้ นอกจากจะเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ แล้ว ยังจัดโปรโมชั่นห้องพักราคาพิเศษ ราคาเริ่มต้น 900 บาทต่อคืน (ไม่รวมอาหารเช้า และเป็นราคาที่หักส่วนลด 40% จากรัฐบาลแล้ว) พร้อมข้อเสนอพิเศษ เช่น Free Minibar, Free Early Check-in, Free Late Check-out, Free Upgrade และเด็กที่มาพร้อมครอบครัวสามารถพักฟรี
กระบี่ ลา พลาญ่า รีสอร์ท
143 หมู่ 3 อ่าวนาง อำเภอเมือง กระบี่
โทร. (075) 637-500
เว็บไซต์: http://www.krabilaplaya.com
เพิ่มสิทธิ์ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’
เพิ่มสิทธิ์ที่ 1: ส่วนลดค่าที่พัก 40% จำนวน 10 คืนต่อคน
เพิ่มสิทธิ์ที่ 2: คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สูงสุดมูลค่า 900 บาทต่อวัน (จันทร์-พฤหัสบดี 900 บาท / ศุกร์-อาทิตย์ 600 บาท)
เพิ่มสิทธิ์ที่ 3: เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 2,000 บาทต่อที่นั่ง
สามารถตรวจสอบที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com