เรื่อง : อูน
ปัจจุบันชาวอเมริกันประสบกับปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกิน และอาหารการกินไม่ถูกสุขอนามัย คิมบาล มัสก์ น้องชายของเอลอน มัสก์ จึงเกิดไอเดีย คิดอยากปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารของอเมริกาเสียใหม่
ในรายงานของ Centers for Disease Control and Prevention ระบุยืนยันว่า ชาวอเมริกันกำลังเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับเทคนิคการกิน ประชากรมากกว่า 3 ใน 4 มีน้ำหนักตัวเกินปกติ และน้อยกว่า 1 ใน 4 รับประทานผักและผลไม้ให้ได้ปริมาณตามคำแนะนำของนักโภชนาการ นอกจากนั้น ใครที่มีเวลา รวมทั้งกำลังทรัพย์น้อยมักคำนึงถึงคุณค่าของสิ่งซึ่งเลือกรับประทานน้อยไปด้วย ที่หมายถึงก็คือ ฟาสต์ฟู้ด
ยามนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ชื่อเสียงเรียงนามของเขาเป็นที่รู้จักทั่วโลก นั่นคือ มัสก์ แต่ไม่ใช่เอลอน มัสก์ ประธานกรรมการบริหารของ Tesla และ SpaceX ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติด้วยเทคโนโลยีของเขา หากเป็น คิมบาล มัสก์ น้องชายที่อายุอ่อนกว่า 1 ปี ซึ่งมีวิสัยทัศน์คล้ายๆ กัน เขาต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของชาวอเมริกันให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยการเปิดร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพในราคาย่อมเยาให้ทั่วทั้งประเทศ
“พี่ชายผมเคยบอกว่า ผมน่ะบ้า ที่คิดจะกระโดดเข้ามาในธุรกิจอาหาร ผมบอกเขาไปว่า ผมคงจะบ้าแน่ถ้าต้องเข้าไปทำเรื่องยานอวกาศ” คิมบาล มัสก์บอกกับนักข่าว CNBC
แผนการของเขาประกอบด้วย 2 โปรเจ็กต์ หนึ่งคือ The Kitchen ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ และธุรกิจเครือข่าย Next Door ที่เขาทำแหล่งอาหารเพื่อป้อนร้านอาหาร นั่นหมายความว่า อาหารทุกจานเป็นผลผลิตสดใหม่จากฟาร์ม ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการถนอมอาหาร ทุกอย่างถูกสุขอนามัย
คิมบาล มัสก์แถลงเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ของเขาตั้งแต่เดือนมกราคมว่า จวบถึงปี 2020 จะมีร้านอาหารเปิดใหม่ถึง 50 แห่ง จำหน่ายผลผลิตในท้องถิ่น และราคาเยา มัสก์เฉลยวิธีการของตนเอง “เราจะซื้อวัวมาทั้งตัว เพราะเรามองเห็นความเป็นไปได้ที่จะจัดส่งเนื้อฟิเลต์ให้กับ The Kitchen ส่วนเนื้อทำเบอร์เกอร์จัดส่งให้ Next Door” วัวที่ว่าจะเป็นวัวเลี้ยงตามธรรมชาติ ราคาเบอร์เกอร์ที่จำหน่ายราว 9 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่าเป็นราคาสมเหตุสมผล
คิมบาล มัสก์รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ เหมือนชาวอเมริกันทั่วไป แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมอาหารในประเทศ เขาเชื่อว่า อุตสาหกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันทำให้ประชากรอ้วนมากขึ้น และสุขภาพย่ำแย่ลง เขาจึงมีความคิดอยากปรับเปลี่ยนให้อุตสาหกรรมอาหารดีขึ้น ด้วยใจรักเป็นทุน
ในขณะเดียวกัน มัสก์เข้าใจดีว่า ไม่ใช่คนทุกคนที่มีเงินมากพอสำหรับซื้ออาหาร ดังนั้นเขาจึงคำนึงถึงงบค่าอาหารจากประสบการณ์ของเขาเอง เขาบอกว่า คนส่วนใหญ่ลืมเรื่องการปรุงอาหารด้วยตัวเองกันหมดแล้ว แต่เขาไม่ เขายกตัวอย่าง ราคาไก่หนึ่งตัวและผักไม่ควรเกินกว่า 10 ดอลลาร์ ทั้งหมดนั้นสามารถนำมาปรุงอาหารสำหรับสมาชิกครอบครัว 4 คนได้สบาย และเป็นอาหารปรุงเอง ถูกสุขลักษณะ และราคาประหยัดด้วย
ถ้าโครงการของเขาประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็ช่วยยกระดับวิถีการกินอยู่ของคนในประเทศให้ดีขึ้น