ความขัดแย้งที่ลงตัว

                สำหรับคอลเล็กชั่น ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว 2018 แบรนด์ Mulberry ได้หยิบแก่นของความเป็นอังกฤษขนานแท้มาใช้ ด้วยการผสมผสานสองสิ่งที่ตรงข้ามกัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มาจากคนละยุค หรือแม้กระทั่งเรียงร้อยวัฒนธรรมที่แตกต่างเข้าไว้ด้วยกันเพื่อรังสรรค์สิ่งใหม่ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เปรียบเสมือนค็อกเทลรสเลิศที่ผสมระหว่างเวลาและสถานที่ซึ่งสะท้อนความเป็นอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัว องค์ประกอบของคอลเล็กชั่นนี้เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว หากแต่ถูกนำมาต่อยอดใหม่อย่างคาดไม่ถึง เป็นการนิยามความเป็นเฟมินินขึ้นมาพร้อมความห้าวหาญ ขี้เล่น และสง่างาม อีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ส่วนประกอบทั้งหมดของคอลเล็กชั่นนี้เกิดจากทัศนคติของหญิงสาวในแบบฉบับ Mulberry ซึ่งเปรียบได้ดั่งหญิงสาวผู้กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ไม่เหมือนใคร และเปี่ยมไปด้วยสไตล์อันโดดเด่น

                “คอลเล็กชันนี้เป็นการสำรวจสไตล์อังกฤษในอีกด้านหนึ่งที่ต่างออกไป เมื่อเรานึกถึงคอลเลคชันนี้ เราจะเห็นภาพหญิงสาวชนชั้นสูงที่หัวรั้นและคิดต่าง” Johnny Coca กล่าว “สร้างกลิ่นอายของความขบถ ความขี้เล่น ซึ่งเป็นความสวยงามของความเป็นอังกฤษที่โดดเด่นอย่างคาดไม่ถึง”

                คอนเซ็ปต์ของ Mulberry คอลเล็กชั่น ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว 2018 คือการคิดนอกกรอบ มีการผสมความแคชวลและความเยาว์วัยเข้ากับความเป็นทางการและเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นยุค 1950 และ 1970 นำมาผสมผสานกับปัจจุบัน ความโดดเด่นของโทนสี เกิดจากการเล่นกับคู่สีตรงข้าม ระหว่างสีเข้มอันเคร่งขรึมสไตล์อังกฤษกับสีสดอย่างสีน้ำเงิน (Old-fashioned Saxe Blue), สีน้ำตาล (Bournville Chocolate Brown), สีเขียว (Celery) และสีส้มอมชมพู (Apricot) พร้อมนำสีส้มสด (Tangerine), สีเทอร์ควอยซ์ (Turquoise), สีแดงอมชมพู (Cerise) และสีม่วงแดง (Lilac) มาตัดกัน หรือดัดแปลงเป็นเทคนิคลายพิมพ์แบบซ้อนทับ ก่อให้เกิดสีสันที่สะท้อนอารมณ์สนุกสนานผ่านลายพิมพ์ดอกไม้แต้มสีจางๆ  ซึ่งปรากฎอยู่ในลายพิมพ์วอลเปเปอร์และลายผ้าของเบาะอังกฤษในสมัยก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังได้มีการใช้เทคนิคการบุนวม (Quilting) และการปักลวดลาย หรือพิมพ์ลาย Polka Dot ลงบนผ้าชีฟอง ซึ่งได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้มุกตกแต่งบนกระเป๋า

                กระเป๋าในซีซั่นนี้ถูกนำเสนอในธีม Versatile Femininity หรือผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้าน โดยแสดงออกผ่านฟังก์ชั่นการใช้งานของกระเป๋า ในคอลเล็กชั่นนี้กระเป๋า Leighton มาพร้อมกับทั้งสายหนังและสายโซ่ รวม 3 เส้น ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงทุกบุคลิกและทัศนคติ นอกจากนี้ หนึ่งในตัวล็อคซิกเนเจอร์ของ Mulberry อย่าง Rider’s Lock ก็ยังทำให้กระเป๋าดูแปลกใหม่ เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์ของความขี้เล่นที่สอดแทรกไว้ อันจะเห็นได้จากโครงสร้างรูปทรงเรขาคณิตของกระเป๋ารุ่น Harlow ที่ฝากระเป๋าเป็นรูปสามเหลี่ยมซ้อนกัน (Double V) ตกแต่งด้วย Rider’s Lock และผ้าพันหูกระเป๋า ส่วนกระเป๋า Winslow นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากอารมณ์ของห้องเครื่องแป้ง รูปทรงของกระเป๋านั้นถูกออกแบบมาจากกล่องใส่เครื่องสำอางของสตรีอังกฤษยุคก่อน โดยได้เพิ่มหูจับและสายยาวเพื่อให้สามารถปรับใช้ได้ทุกวัน ตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน โดยมีให้เลือกทั้งแบบปั๊มลายหนังจระเข้ หรือปักลายดอกไม้สวยงาม การเล่นกับสัดส่วนได้ถูกนำมาใช้เช่นกัน ผ่านกระเป๋ารุ่น Selby Hobo ที่มาในไซส์ใหญ่แบบโอเวอร์ไซส์เพื่อสะพายไหล่ ส่วนคลัตช์รุ่น Witney ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับงานกลางคืน โดยใช้เทคนิคการทำควิลท์เป็นรูปหัวใจบนหนังที่ให้สัมผัสนุ่มนวลดุจไข่มุก มาในโทนสีอัลมอนด์พาสเทล หรือใช้ขนนกกระสา (Marabou) มาทำเป็นกระเป๋ารูปทรงคล้ายกับพัฟแป้งขนาดใหญ่ห้อมล้อมด้วยไข่มุก ลายพิมพ์หลักของคอลเลคชันนี้ปรากฎผ่านการปักลายบนหนังสุดประณีต ทำให้กระเป๋าดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

                “ความเป็นอังกฤษไม่ได้ประกอบขึ้นจากเพียงหนึ่งวัฒนธรรมหรือการแต่งกายเพียงแบบใดแบบหนึ่ง” Johnny Coca ครีเอทีฟไดเรกเตอร์กล่าว “มันคือการผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกัน และสร้างสรรค์บางสิ่งที่ไม่เหมือนใคร เป็นการสร้างตัวตนและความแตกต่าง ทั้งด้านบุคลิกภาพและการแสดงออก การเข้าใจในกฎเกณฑ์เพื่อเรียนรู้ที่จะแหกมัน คือสไตล์ส่วนตัวที่แท้จริง”

Facebook Comments Box