Audemars Piguet Pre-SIHH 2018
โอเดอมาร์ ปิเกต์ (AUDEMARS PIGUET) สุดยอดแบรนด์เครื่องบอกเวลาเหนือระดับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมวอร์มอัพก่อนงาน SIHH 2018 ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการเผยโฉม 2 คอลเล็กชั่นล่าสุดที่มาพร้อมความน่าตื่นตาแบบใหม่ ทั้งยังผสานทักษะฝีมืออันวิจิตรได้อย่างแยบยล กับ 3 เรือนเวลาทรงสปอร์ตเวอร์ชั่นพิเศษ ที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (Royal Oak Offshore) และ 3 ความสง่างามของดีไซน์หน้าปัดทรงรี จาก มิเลนนารี (Millenary) เรือนเวลาไฮไลท์ที่สุภาพสตรีทั่วโลกต่างรอคอย
รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (Royal Oak Offshore)
หลังเปิดตัวเวอร์ชั่นแรกไปเมื่อปี 1993 ก็ถึงเวลาที่เรือนเวลาหนุ่มลุคสปอร์ตอย่าง รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ จะเติบโตไปอีกขั้น และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในปี 2018 ที่จะถึงนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ เตรียม 3 เวอร์ชั่นพิเศษมาให้เหล่าสุภาพบุรุษเพิ่มเข้าไปใน Wish List ตั้งแต่ต้นปี เริ่มต้นจาก รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นบุกเบิก (Re-edition of the original Royal Oak Offshore) ที่ถูกนำมาสร้างความเจิดจรัสอีกครั้งบนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร มาพร้อมพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินลวดลายแบบเปอตีท์ ตาปิสเซอรี่ (Petite Tapisserie) และฝาหลังสลักตัวอักษร “Royal Oak Offshore” คงความคลาสสิคในแบบฉบับดั้งเดิมไว้อย่างครบครัน ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3126/3840 พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟ สำรองพลังงานขั้นต่ำ 50 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้ 100 เมตร
ต่อด้วยอีก 2 โมเดลที่ได้แรงบันดาลใจจากเรือนเวลารุ่นก่อนอย่าง Royal Oak Offshore Tourbillon Chronograph มาพร้อมอัพเดทลุคที่ถูกตีความใหม่บนตัวเรือนสเตนเลสสตีล หรือ พิ้งค์โกลด์ขนาด 45 มิลลิเมตร ความท้าทายครั้งสำคัญในการฉีกกรอบขอบตัวเรือนทรง 8 เหลี่ยมอันคุ้นเคยด้วยโครงสร้างดีไซน์หน้าปัดอันล้ำสมัย มอบผลลัพธ์ที่แฝงด้วยความสนุกและน่าตื่นเต้นกว่าที่เคย ทั้งยังคงดีเอ็นเอของ แบรนด์ไว้อย่างยอดเยี่ยม ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 2947 พร้อมฟังก์ชั่นตูร์บิญองและโครโนกราฟ สำรองพลังงานขั้นต่ำ 173 ชั่วโมง เม็ดมะยมและปุ่มจับเวลารังสรรค์จากแบล็กเซรามิก จับคู่สายยางสีดำ กันน้ำลึกได้ 100 เมตร ผลิตจำกัดเพียง สีละ 50 เรือน
มิเลนนารี (Millenary)
หลังเปิดตัวเวอร์ชั่นล่าสุดไปเมื่อปี 2015 ก็ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความสง่างามครั้งใหม่กับ คอลเล็กชั่น มิเลนนารีประจำปี 2018 เพราะนอกจากดีไซน์หน้าปัดทรงรีจะเป็นที่สะดุดตาเหล่าสุภาพสตรีมิเลนนารีแล้ว เรือนเวลาชิ้นเอกนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการจัดวางแบบไล่ระดับที่เผยให้เห็นความล้ำค่าของทุกชิ้นส่วนจากภายในสู่ภายนอกอีกด้วย เริ่มต้นจากตัวเรือนไวท์โกลด์ หรือ พิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต ประดับเพชรรอบขอบตัวเรือน ที่ในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ สร้างความตื่นเต้นด้วยการนำเสนอสายรัดข้อมือเวอร์ชั่นใหม่ รังสรรค์จากทองขัดเงา มอบวินเทจลุคที่น่าค้นหาทั้งยังเข้ากับดีไซน์เลขโรมันบนหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวได้เป็นอย่างดี นับเป็นการสานต่อสุนทรียศาสตร์อันอ่อนช้อยของสายนาฬิกาแบบเมลานีสอันโด่งดังในยุค 50s และ 60s สู่ผลลัพธ์ที่แสดงออกถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยปรับเปลี่ยนวิถีการถักทอทองแบบทิศทางเดียวที่นิยมในยุคสมัยก่อนสู่การถักทอทองแบบสลับไปมารอบแกน นอกจากจะเพิ่มช่องว่างและความยืดหยุ่นของสายตาข่ายแล้ว ยังมอบสัมผัสที่บางเบาราวกับเส้นไหม โอบรับข้อมือของผู้สวมใส่ได้อย่างเหมาะเจาะ
ต่อด้วยอีกตัวแทนร่วมสมัยที่หลอมรวมหัตถ์ศิลป์ชั้นเลิศไว้ในหนึ่งเดียว กับครั้งแรกของการผสมผสานพื้นหน้าปัดโอปอลและ “ฟลอเรนทีน เทคนิค” ลงบนมิเลนนารีตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวของตัวเรือน อาทิ ขอบตัวเรือนด้านใน, ขานาฬิกา ที่ความถี่ 200 เฮิรตซ์ เพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก มอบประกายแสงระยิบระยับเสมือนประกายจากเพชรหรืออัญมณีล้ำค่า เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเรือนด้วยเม็ดมะยมประดับอัญมณีคาโบชองโปร่งแสง จับคู่สายยางรัดข้อมือสีฟ้าคราม หรือเลือกเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจชอบ อาทิ สายหนังอัลลิเกเตอร์สีฟ้าอ่อน สายยางสีดำ
โดยทั้ง 3 เวอร์ชั่นนี้ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 5201 สำรองพลังงานขั้นต่ำ 49 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้ 20 เมตร เรียกได้ว่าเป็นเรือนเวลาที่เหล่าสุภาพสตรีจำนวนไม่น้อยต่างต้องตกหลุมรัก พบกับเรือนเวลาจาก โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5838