แจกแพลนทัวร์เวียดนามกลาง
เว้ ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์
ไปกับ Perfect Holiday Travel ทัวร์ต่างประเทศ
เวียดนามเมืองแห่งความสวยงาม ที่ลุ่มรวยศิลปะวัฒนธรรม และความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งเวียดนามเหนือ เวียดนามกลาง เวียดนามใต้ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ที่เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ได้ไปเยือนสักครั้ง และในครั้งนี้เราได้ไปเยือน เวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์ โดยสายการบิน Viet Jet Air ระหว่าง 19-22 ตุลาคม 2566 พร้อมกับ Perfect Holiday Travel ทัวร์ต่างประเทศ ที่ดูแลอำนวยความสะดวกตลอดทริปนี้
Day 1 – สนามบินนานาชาติดานัง บานาฮิลล์
เริ่มต้นออกจากสนามบินนานาชาติดานัง มากินอาหารกลางวัน และเตรียมตัวขึ้นกระเช้าไปยัง บานาฮิลล์ ที่มีสะพานมือเป็นจุดหมายแรกของทริปนี้ เมื่อออกจากเมืองดานังเข้าสู่บานาฮิลล์ อากาศเปลี่ยนไปจากที่มีแดดจ้า เป็นเย็นและครึ้ม ตอนที่ได้ขึ้นกระเช้าใช้เวลาในการนั่งประมาณ 25 นาที ก็ถึงยอดบานา ฮิลล์ เอากระเป๋าไปฝากโรงแรมแล้วจะไปที่สะพานมือก่อน
บรรยากาศตอนนั่งกระเช้าคือดี ไม่แกว่ง ลมไม่แรงมาก ทัศนียภาพเขียวขจี มองลงไปมีแต่ป่า หิน น้ำตก ลำธาร เหมือนขึ้นดอยทางภาคเหนือ… ไกด์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่า รัฐบาลเวียดนามเขารู้ว่าระบบการจัดการเขาไม่ดี เขาก็เลยให้สัปปาทานบริษัทหนึ่งเข้ามาดำเนิน ในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่โดยมากจะเป็นเกาหลีและไทย จีนเคยมาก่อนหน้านั้นไปพักหนึ่งแล้ว ตอนนี้จีนเลยย้ายไปเที่ยวโซนทางใต้ของเวียดนาม
Day 1 – บานาฮิลล์ สะพานสีทอง หรือ สะพานมือ สวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR หมู่บ้านชาวฝรั่งเศส
กระเช้าที่ขึ้นบานาฮิลล์ ได้รับการบันทึกสถิติโลก Guinness Book of World Records ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 5,801 เมตร เมื่อเอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมแล้ว ก็เดินชมหมู่บ้านฝรั่งเศส เพื่อไปขึ้นกระเช้าอีกตัวหนึ่ง ที่จะพาลงไปยัง สะพานสีทอง หรือสะพานมือ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ สะพานลอยฟ้าที่มีมือรองรับสะพานไว้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อยู่บนยอดเขาบานาฮิลล์ จากนั้นเดินไปชมสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR หมู่บ้านชาวฝรั่งเศส อากาศดีมาก และผู้คนก็บางตา เพราะคนที่มาแบบ One Day Trip กำลังทยอยกลับลงไปด้านล่าง คนที่ค้างคืน ก็เลยได้ชมบรรยากาศอื่นๆ ต่อไป
Day 1 – Mercure Danang French Village Bana Hills
คืนแรกเช็กอินที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills ตั้งอยู่ด้านบนยอดบานาฮิลล์ ประกอบด้วยอาคาร 8 หลัง ที่หันหน้าเข้าหากัน โดยเป็นการจำลองหมู่บ้านของชาวฝรั่งเศสขึ้นมา นักท่องเที่ยวที่มาค้างคืนก็จะได้ความเป็นส่วนตัวในช่วงเย็นที่นักท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริปกลับลงไปด้านล่างแล้ว พร้อมกับพนักงานขายสินค้าต่างๆ ที่ต้องกลับลงไปที่พักเชิงเขา ห้องพักเป็นโทนสีเหลืองน้ำตาล ขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่มีแอร์ มีแต่ฮีตเตอร์ เพราะอากาศค่อนข้างเย็น สามารถเปิดหน้าต่างรับลมได้เลย ส่วนมื้อเย็นวันแรกก็เป็นบุฟเฟ่ต์ในห้องอาหารของโรงแรม กลางคืน จะเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง ที่มีหมอกและแสงไฟ เหมือนอยู่ทางยุโรปที่มีจัดงานเฉลิมฉลองและประดับประดาด้วยแสงไฟ เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย นักท่องเที่ยวที่พักค้างแรม ก็จะมาถ่ายรูปตามมุมต่างๆ
Day 2 – Bana Hills Fantasy Park
ช่วงเวลาอิสระก่อนออกเดินทางจากบานาฮิลล์ กับสวนสนุก Fantasy Park ที่มึเครื่องเล่นฟรีทุกอย่าง ยกเว้นเกมงานวัด และตัวโลเลอร์ ที่ไม่ต้องต่อคิว พอช่วงสายหน่อยก็มานั่งดื่มกาแฟ สตาร์บัค พร้อมชมวิวโดยรอบ Bana Hills France Village จากนั้นเตรียมตัวเดินทางจากบานาฮิลล์ สู่เมืองเว้
Day 2 – วัดเทียนมู่ เมืองเว้
ชมวัดเทียนมู่ วัดพุทธมหายานที่มีอายุเก่าแก่นับหลายร้อยปี สร้างขึ้นตามความเชื่อ เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยม สูง 7 ชั้น ภายในเป็นที่ตั้งของศิลาจารึกและระฆังสำริดขนาดใหญ่ เทียนมู่ แปลว่า เทพธิดา จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก “วัดเทพธิดา”
Day 2 – พระราชวังเว้ (พระราชวังได่โหน่ย)
เมืองเว้ อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามในสมัยราชวงศ์เหงียน 150 ปีของพระราชวังกษัตริย์ จากองค์ที่ 1 สู่องค์ที่ 13 ถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญของเวียดนาม และเป็นต้นแบบวัฒนธรรม ทั้งอาหารเวียดนาม และชุดประจําชาติของสตรีอย่างชุดอ่าวหญ๋าย
พระราชวังเว้ (พระราชวังได่โหน่ย) จำลองแบบมาจากจีน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมรอบด้วยคูน้ำขนาดใหญ่ทั้งสี่ด้านพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงศ์เหงียนมาทุกพระองค์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นพระราชวังแห่งสุดท้ายของราชวงศ์เหงียนที่ปกครองประเทศเวียดนาม มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กำแพงรอบนอกป้องกันตัวพระราชวัง ท้องพระโรงหรือนครจักรพรรดิ และพระราชวังต้องห้าม … ในการชมพระราชวังเว้ครั้งนี้ เรานั่งซิกโลหรือสามล้ม ได้ชมทัศนียภาพรอบๆ พระราชวัง วิถีชีวิตโดยรอบพระราชวังของคนเวียดนาม ความระทึกบนถนนที่มีเสียงบีบแตรเป็นระยะ ทุกแยก ทุกการเลี้ยว
Day 2 – ล่องเรือมังกร ณ แม่น้ำหอม เมืองเว้
ล่องเรือมังกร ณ แม่น้ำหอม ซึ่งเรือมังกรเป็นเรือพระที่นั่งของกษัตริย์ในอดีต พร้อมฟังดนตรีพื้นเมืองเว้ที่ล่องไปตามแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านและหล่อเลี้ยงชาวเมืองเว้มาเป็นเวลาเนิ่นนาน พร้อมชมทัศนียภาพของเมืองเว้ที่ขนาบทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ ไกด์ท้องถิ่นเล่าว่า ดนตรีที่แสดงบนเรือนี้ แต่ก่อนเป็นการแสดงสำหรับกษัตริย์และพระมเหสีเท่านั้น เป็นการที่ไม่มีการเปิดเผยที่ไหน จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เครื่องดนตรีมี 5 ประเภท กลอง ซ้อ พิณเดี่ยว ไม้ตีกระทบ แก้วชาเล็ก 4 ใบ เพลงที่บรรเลง เช่น 4 ฤดู เพลงพื้นเมืองเว้ เพลงเซาะ (เพลงเรือ) บทเพลงพระราชนิพนธ์ สายฝน เพลงกุหลาบแดง และเพลงลอยกระทง เป็นต้น และคืนที่ 2 เราพักที่ Moonlight Hotel ในเมืองเว้
Day 3 – เจ้าแม่กวนอิม วัดหลินอึ๋ง (แปลว่า สมหวัง)
สักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม วัดหลินอึ๋ง ตั้งอยู่ที่ Son Tra เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในดานัง ภายในวัดยังมีหินอ่อนแกะสลัก ลานบอนไซ วัดแห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่ศักดิ์ที่มีคนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชาและขอพรแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเมืองดานังอีกด้วย
Day 3 – ฮอยอัน มรดกโลกที่ยังมีลมหายใจ
ชมฮอยอัน มรดกโลกที่ยังคงมีลมหายใจ เสน่ห์ของตึกเก่าสีเหลืองสวยสไตล์โคโลเนียล ที่อนุรักษ์เอาไว้ให้คงเอกลักษณ์ดังเช่นอดีต องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนให้ฮอยอันเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม เนื่องด้วยเป็นตัวอย่างของเมืองท่าค้าขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ชมบ้านโบราณของเวียดนามอายุกว่า 200 ปี ชมบ้านโบราณที่ภายในเป็นนิทรรศการแบบญี่ปุ่น ชมสะพานญี่ปุ่น สัญลักษณ์ของเมืองฮอยอัน
วัดฟุ๊กเกี๋ยนหรือสมาคม ฟุ๊กเกี๋ยน สมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน รวมถึงบ้านโบราณ อายุยาวนานหลายร้อยปี ทิวทัศน์เมืองที่สวยงามดั่งภาพวาด ต่อด้วยการช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง อาทิ งานฝีมือ โคมไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮอยอัน ชุดอ๋าวหญ่าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม)
Day 3 – หมู่บ้านกั๊มทาน นั่งเรือกระด้ง
หมู่บ้านกั๊มทาน หมู่บ้านเล็กในสวนมะพร้าว ในช่วงสมัยสงครามเคยเป็นที่พักของทหาร สนุกสนานกับการนั่งเรือกระด้ง ชมการแสดงจากฝีพาย และสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น
Day 3 – ชมสะพานมังกร แลนด์มาร์คของเมืองดานัง
สะพานมังกรสร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 38 ปี ของอิสรภาพเมืองดานัง นอกจากนี้ยังมีการแสดงไฟในยามค่ำคืน และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ มังกรจะพ่นไฟทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์ ชมคาร์ฟดราก้อน สัตว์ในตำนานของเวียดนาม ตัวเป็นปลาหัวเป็นมังกรคล้ายกับเมอร์ไลออนของสิงคโปร์ อยู่ไม่ห่างจากสะพานมังกร พร้อมแสงไฟจากเมืองดานังทั้ฝั่งเก่าและฝั่งใหม่ และคืนที่ 3 เราพักที่ Grand Sea Hotel ในเมืองดานัง
Day 4 – ตลาดฮาน
ตลาดฮาน ตลาดขายสินค้าขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองดานัง ให้ซื้อของฝากของที่ระลึก รวมไปถึงสินค้าพื้นเมืองของชาวเวียดนาม และเตรียมตัวเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติดานัง เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
หัวหน้าไกด์ทัวร์ น้องป๊อบ-ตรีภพ เป็นดูแลตลอดทริป ร่วมกับน้องเมย์ (มาเก็บเส้นทางทริป) ไกด์ป๊อบ จะประสานความต้องการหรือสอบถามความสะดวกในแต่ละสถานที่เที่ยว หรืออาหารในแต่ละมื้อ ว่าสะดวกอย่างไร กินหรือไม่กินอะไรบ้าง นัดหมายเวลา โทรปลุก ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ช่วยแนะนำการซื้อสินค้า การสื่อสารกับผู้ค้าชาวเวียดนาม ตลอดจนประสานงานกับไกด์ท้องถิ่น
ส่วนไกด์ท้องถิ่นชาวเวียดนามชื่อ กวาง ซึ่งจะเป็นผู้ประสานงานและพาทัวร์ที่ต่างๆ ในเวียดนาม ไกด์กวาง พูดภาษาไทยได้ เกือบคล่อง เว้นการออกเสียงบางคำ สามารถเชื่อมโยงวัฒนธรรมเวียดนามและไทยเข้าด้วยกันได้ ร่วมถึงประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่
Perfect Holiday Travel ทัวร์ต่างประเทศ เป็นบริษัททัวร์น้องใหม่ มีเส้นทางทัวร์ในเวียดนามเหนือ-กลาง-ใต้ เส้นทางทัวร์ประเทศจีน และในปลายปีนี้จะเพิ่มเส้นทางทัวร์ในประเทศญี่ปุ่น สามารถตามข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/perfectgrouptravel
Post Views: 171