ความสำเร็จของภารกิจสำรวจดวงจันทร์อันยิ่งใหญ่สู่ภาพยนตร์ First Man
และนาฬิกา OMEGA SPEEDMASTER MOONWATCH APOLLO 8 รุ่นพิเศษ
ย้อนกลับไปทศวรรษที่ 60 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญจนได้รับการจารึกเป็นประวัติศาสตร์โลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือโครงการสำรวจดวงจันทร์ ‘อพอลโล’ ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซ่า (NASA) โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1968 ที่ยานอวกาศสามารถโคจรรอบดวงจันทร์ และปี ค.ศ.1969 เมื่อ ‘นีล อาร์มสตรอง’ กลายเป็นมนุษย์ผู้เหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก จากความสำเร็จทั้งสองเหตุการณ์นำมาสู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์และนาฬิกา OMEGA รุ่นพิเศษในปีนี้
เริ่มต้นกันที่ภาพยนตร์ First Man ถ่ายทอดเรื่องราวภารกิจ อพอลโล 11 ของนาซ่าในการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ที่เน้นเรื่องของ นีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่เดินทางไปถึงดวงจันทร์ในช่วงระหว่างปี 1961-1969 โดยดัดแปลงมาจากหนังสืออัตชีวประวัติ First Man: The Life of Neil A. Armstrong ของ เจมส์ อาร์. แฮนเซน (James R. Hansen) ซึ่งเป็นนักเขียนมือฉมังที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับอวกาศมาหลายต่อหลายเล่ม
ไม่เพียงหนังจะเผยเรื่องราวการเสียสละของอาร์มสตรองที่มีต่อประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเผชิญสงครามเย็นกับประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่หนังยังหยิบยกเรื่องราวในชีวิตที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวของเขา ครอบครัว การฝึกฝนอันหนักหน่วงเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ รวมถึงการแบกรับความหวังจากคนทั้งโลกและการเดินทางอันยาวนานที่สุดในชีวิตท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้าง
ที่สำคัญในปี 1964 องค์การนาซ่ายังเริ่มโครงการทดสอบนาฬิกาเพื่อให้นักบินสวมใส่ระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่และนาฬิกา OMEGA เป็นเพียงรายเดียวที่ผ่านการทดสอบสุดหินจนได้รับรองว่า “Flight Qualified for all Manned Space Missions” ในวันที่ 1 มีนาคม 1965 ดังนั้นในหนังจึงได้เห็น OMEGA Speedmaster เข้ามามีบทบาทสำคัญตั้งแต่ตอนฝึกฝนและออกปฏิบัติภารกิจต่างๆ โดยปรากฏอยู่บนข้อมือของ นีล อาร์มสตรอง ซึ่งรับบทโดยนักแสดงมากความสามารถ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) นอกจากนั้นเขายังสวมใส่ OMEGA CK 2605 ซึ่งเป็นนาฬิกาในชีวิต ประจำวันตั้งแต่ก่อนรับการฝึกเสียอีก หนังเรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 18 ตุลาคมนี้
แต่ก่อนหน้าที่ นีล อาร์มสตรอง เหยียบลงบนดวงจันทร์เพียง 1 ปีหรือในปี ค.ศ. 1968 ยังเกิดเหตุการณ์สำคัญในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ที่มิอาจลืมเช่นกัน นั่นคือ ภารกิจ อพอลโล 8 ที่สามารถส่งนักบินอวกาศออกนอกวงโคจรของโลกไปโคจรรอบดวงจันทร์ 10 รอบในเวลา 20 ชั่วโมงและกลับลงมาอย่างปลอดภัย การเดินทางในครั้งนั้นทำให้นักบินอวกาศ 3 คนได้แก่ แฟรงค์ บอร์แมน (Frank Borman) เจมส์ โลเวลล์ (James Lovell) และวิลเลียม แอนเดอร์ส (William Anders) กลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เห็นว่าโลกมีทรงกลมจริงๆ พร้อมถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์กลับมายังโลกและบันทึกถ่ายภาพ Earthrise กลับมาจนกลายเป็นภาพทรงคุณค่าที่สุด ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ พวกเขายังเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่มองเห็นดวงจันทร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นจากพื้นผิวโลก
จากความสำเร็จของภารกิจ อพอลโล 8 จวบจบวันนี้เป็นเวลาครบ 50 ปีพอดี OMEGA จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษ OMEGA Speedmaster Dark Side of the Moon Apollo 8 โดดเด่นด้วยดีไซน์ไม่เหมือนใครกับหน้าปัดที่ถอดแบบพื้นผิวเสมือนกับพื้นผิวของดวงจันทร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหน้าจะใช้เฉดสีอ่อนเป็นตัวแทนของภาพที่เรามองเห็นพื้นผิวดวงจันทร์จากบนผืนโลก ขณะที่ด้านหลังของนาฬิกาใช้เฉดสีเข้มเพื่อเป็นตัวแทนของภาพที่เหล่านักบินอวกาศมองเห็น
ทั้งยังตกแต่งกลไกมูนวอทช์ (Moonwatch) เป็นพิเศษ ทำให้เรามองเห็นความสวยงามของกลไก Calibre 1869 ผ่านหน้าปัดกึ่งสเกเลตันได้อย่างชัดเจน ขณะที่สะพานจักรและแท่นเครื่องตกแต่งด้วยการทำให้เป็นสีดำอย่างกลมกลืนไปด้วยกันส่วนตัวเรือนทั้งหมดผลิตขึ้นจากเซอร์โคเนียมออกไซด์เซรามิกสีดำ ตัดด้วยสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ OMEGA เลือกใช้ในคอลเลคชั่นสปีดมาสเตอร์ (Speedmaster) ของตนเป็นครั้งแรกในปี 1968 และรุ่นสปีดมาสเตอร์ เรซิ่ง (Speedmaster Racing)
ซึ่งรุ่นใหม่นี้นำสีเหลืองมาใช้ทั้งบนรายละเอียดของหน้าปัด เข็มชี้ และสายหนังสีดำตัดด้วยสีเหลืองอย่างลงตัว ส่วนฝาหลังแกะสลักด้วยข้อความพิเศษว่า ‘WE’LL SEE YOU ON THE OTHER SIDE’ ที่กล่าวไว้โดยกัปตัน จิม โลเวลล์ ระหว่างปฏิบัติภารกิจ อพอลโล 8 นับเป็นความพิเศษที่หาจากรุ่นอื่นไม่ได้ ทั้งหมดเป็น 2 เหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์โลกที่หวนกลับมาให้เราได้ซึมซับเรื่องราวของการสำรวจดวงจันทร์ผ่านภาพยนตร์และการสวมใส่นาฬิกา OMEGA รุ่นพิเศษกันอีกครั้ง
พบกับนวัตกรรมชั้นเลิศและสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับไปกับโอเมก้าได้ที่ บูติคสาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร.02-160-5959, สาขาสยามพารากอน โทร.02-129-4878 และสาขาดิ เอ็มโพเรียม โทร.02-664-9550